เนื่องจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ หรือโรคโควิด ๑๙ ในประเทศไทยและจังหวัดฉะเชิงเทรา พบว่า มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ หรือโรคโควิด ๑๙ อย่างต่อเนื่อง เป็นเหตุให้จังหวัดฉะเชิงเทรา ยังคงต้องบังคับตามมาตรการและคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดฉะเชิงเทราอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันไม่ให้การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ หรือโรคโควิด ๑๙ รุนแรงขึ้นได้
ดังนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา จึงได้มีคำสั่งขยายเวลาให้ปิดสถานที่ในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทราเป็นการชั่วคราว ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยมีรายละเอียด ดังนี้
๑. ร้านสะดวกซื้อ หรือร้านค้าปลีกที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน เช่น ๗ - ๑๑ , มินิบิ๊กซี , โลตัสเอ็กซ์เพรส , แฟมิลี่มาร์ท , ๑๐๘ ช็อป เป็นต้น ตั้งแต่เวลา ๒๒.๐๐ - ๐๔.๐๐ น. ของวันถัดไป
๒. ร้านเสริมสวย แต่งผม และตัดผม ทั้งหญิงและชาย ไม่ว่าจะได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ หรือประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ พ.ศ. ๒๕๕๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม หรือไม่ ก็ตาม หากมีเหตุผลความจำเป็น ให้ผู้ประกอบการยื่นขออนุญาตต่อสาธารณสุขอำเภอในเขตท้องที่ หรือผู้อำนวยการกองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม เทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา สำหรับพื้นที่ในเขตเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา โดยแสดงข้อเท็จจริงที่เห็นประจักษ์ว่า สามารถดำเนินการตามมาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ หรือโรคโควิด ๑๙ ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และมาตรการการป้องกันความเสี่ยงจาก โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ หรือโรคโควิด ๑๙ สำหรับสถานประกอบกิจการ พ.ศ.๒๕๖๓ เพื่อขอความเห็นชอบต่อ นายอำเภอท้องที่ หรือต่อนายกเทศมนตรีเมืองฉะเชิงเทรา สำหรับพื้นที่ในเขตเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา
ทั้งนี้ ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการจ้างงานตามคำสั่งนี้ ให้ติดต่อสำนักงานจัดหางานจังหวัดฉะเชิงเทรา โทร. ๐ - ๓๘๕๑ - ๔๘๔๒ , ๐๘ - ๘๒๐๒ - ๑๒๖๕ หรือติดต่อสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดฉะเชิงเทรา โทร. ๐ - ๓๘๕๑ - ๑๖๐๐ , ๐ - ๓๘๕๑ - ๔๗๖๐ , ๐๘ - ๐๕๖๗ - ๓๐๓๕ หรือติดต่อสำนักงานคลังจังหวัดฉะเชิงเทรา โทร. ๐ - ๓๘๕๑ - ๑๐๙๔ , ๐ - ๓๘๕๑ - ๒๕๑๐
หากผู้ใดฝ่าฝืนคำสั่งนี้ มีความผิดตามมาตรา ๕๒ แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. ๒๕๕๘ ต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกิน ๑ ปี หรือปรับไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยคำสั่งฉบับนี้มีผลใช้บังคับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนถึง วันที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๓