ด้วย พระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย (ฉบับที่ ๑๗) พ.ศ. ๒๕๖๐ ได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ ๒๔ มกราคม พ.ศ.๒๕๖๐ ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๐ โดยสาระสำคัญของพระราชบัญญัติฉบับนี้ มีเจตนารมณ์ในการควบคุมการปลูกสร้างอาคารหรือสิ่งอื่นใดลงไปในแม่น้ำ ลำคลอง ทะเล ชายหาดสาธารณประโยชน์ เพื่อประโยชน์ในการรักษาลำน้ำสำหรับการพาณิชยนาวี การเกษตรกรรม และการป้องกันอุทกภัย โดยมีรายละเอียด ดังนี้
๑. ขอให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองสิ่งปลูกสร้างล่วงล้ำลำน้ำที่ไม่เคยได้รับอนุญาต หรือเคยได้รับอนุญาต แต่ปลูกสร้างไม่เป็นตามรูปแบบที่ได้รับอนุญาต ก่อนวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๐ ให้มาแจ้งต่อกรมเจ้าท่าหรือสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาที่สิ่งปลูกสร้างตั้งอยู่ตามแบบการแจ้ง ผ่านช่องทางและวิธีที่กำหนด ภายในวันพฤหัสบดีที่ ๒๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๐ หลังจากนั้นกรมเจ้าท่าจะแจ้งให้ทราบในภายหลังว่า สามารถออกใบอนุญาตให้ได้หรือให้ทำการรื้อถอนภายใน ๖๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแบบการแจ้ง
๒. ผู้ใดที่มีความประสงค์จะทำการปลูกสร้างสิ่งล่วงล้ำลำน้ำ จะต้องขออนุญาตก่อนดำเนินการ หากฝ่าฝืนดำเนินการปลูกสร้างก่อนได้รับอนุญาต หรือปลูกสร้างไม่เป็นตามรูปแบบที่ได้รับอนุญาต ตั้งแต่วันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๐ เป็นต้นไป หรือไม่มาแจ้งต่อกรมเจ้าท่าภายในระยะเวลาที่กำหนด จะถูกดำเนินการ ดังนี้
๒.๑ กรมเจ้าท่าหรือสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาที่สิ่งปลูกสร้างล่วงล้ำลำน้ำตั้งอยู่ จะมีหนังสือแจ้งให้ท่านทำการรื้อถอน หรือแก้ไขสิ่งปลูกสร้างล่วงล้ำลำน้ำนั้นให้แล้วเสร็จ ภายในระยะเวลาไม่เกิน ๑ ปี แต่ไม่น้อยกว่า ๓๐ วัน
๒.๒ กรมเจ้าท่าหรือสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาที่สิ่งปลูกสร้างล่วงล้ำลำน้ำตั้งอยู่ จะแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน เพื่อส่งฟ้องศาล โดยมีโทษจำคุกไม่เกิน ๓ ปี หรือปรับคำนวณเป็นตารางเมตรของพื้นที่ที่ล่วงล้ำลำน้ำ ในอัตราตารางเมตรละไม่น้อยกว่า ๑,๐๐๐ บาท แต่ไม่เกินตารางเมตรละ ๒๐,๐๐๐ บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้จะต้องถูกปรับเป็นรายวัน วันละไม่เกินตารางเมตรละ ๒๐,๐๐๐ บาท หากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งที่ให้ทำการรื้อถอนหรือแก้ไข จนกว่าจะมีการปฏิบัติตามคำสั่งแล้วเสร็จ
๒.๓ หากผู้รับคำสั่งเพิกเฉยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของกรมเจ้าท่า หรือสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาที่สิ่งปลูกสร้าง ล่วงล้ำลำน้ำนั้นตั้งอยู่ กรมเจ้าท่าจะดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างล่วงล้ำลำน้ำดังกล่าว โดยใช้ค่าใช้จ่ายของเจ้าของหรือ ผู้ครอบครองสิ่งปลูกสร้างล่วงล้ำลำน้ำนั้น และมีอำนาจในการห้ามไม่ให้ผู้ใดใช้อาคารหรือสิ่งปลูกสร้างล่วงล้ำลำน้ำนั้นจนกว่าจะมีการแก้ไขหรือรื้อถอนแล้วเสร็จ